ตอบ 03402 (ขออนุญาต คุณ ธงไชย ตอบคำถามนี้แทนนะครับ)

ไขปัญหาแอร์รถยนต์: กลิ่นเหม็น อับชื้น จากแอร์รถยนต์ ปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ในแอร์รถยนต์ ก่อนอื่นต้องอธิบายระบบการหมุนเวียนอากาศในห้องโดยสารว่าเป็นระบบปิดคือ อากาศที่อยู่ในห้องโดยสารจะถูกดูดเข้าและเป่าผ่านEvaporator (คอยย์เย็น) โดยพัดลมที่อยู่ใต้คอนโซลหน้ารถ ดังนั้นสาเหตุที่ก่อให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จึงเกิดจากกลิ่นแปลกปลอมต่างๆ อาทิเช่น บุหรี่ อาหาร น้ำหอมปรับอากาศรถยนต์ จนกระทั้งหนูตาย! กลิ่นเหล่านี้จะถูกดูดและเป่าผ่านEvaporator อยู่ตลอดเวลา ที่นี้มาดูว่า “แล้วเกิดกลิ่นฝังลึกได้อย่างไร?” ขณะที่เปิดแอร์ ความเย็นเกิดขึ้น จะเกิดหยดน้ำเกาะอยู่ที่พื้นผิวของEvaporator เมื่อลมถูกดูดมาจากห้องโดยสารพร้อมกับกลิ่นแปลกปลอม และฝุ่นละออง ขณะที่ลมเคลื่อนที่ผ่านEvaporator กลิ่นแปลกปลอมและฝุ่นละอองก็จะเกาะติดกับหยดน้ำ ค่อยๆสะสมอยู่ตรงนี้ มากขึ้นๆ ทุกวันๆ เมื่อผู้ใช้รถปิดแอร์ กลิ่นและฝุ่นเหล่านี้ก็ค่อยๆจับตัวลงที่ช่องเล็กๆบนพื้นผิวของEvaporatorในขณะที่หยดน้ำต่างๆค่อยๆแห้งลงไปเรื่อยๆ ยิ่งถ้ารถคันไหนใช้น้ำหอมปรับอากาศรถยนต์ ไอน้ำมันหอมระเหยที่วนเวียนอยู่ในห้องโดยสารจะจับตัวเป็นเจล(วุ้น) อยู่ที่Evaporator เมื่อกลิ่นและฝุ่นพัดผ่านก็จะทำให้เกิดการเกาะยึดติด ฝังแน่นได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ และแอร์ตันในที่สุด ที่นี้คำถามต่อมา “แล้วทำไมได้กลิ่นเหม็น อับชื้น เฉพาะเมื่อเริ่มเปิดแอร์ใหม่ๆ?” ถูกต้องแล้วครับ ก็เพราะว่าขณะที่ท่านเปิดแอร์ใหม่ๆ พื้นผิวของEvaporator ยังแห้งอยู่ ดังนั้นลมวูบแรกที่พัดผ่านออกมาจึงสามารถนำกลิ่นเหม็น อับชื้นออกมาเข้าจมูกท่านได้แบบเต็มๆ พอแอร์เริ่มเย็น มีหยดน้ำเกาะที่Evaporator หยดน้ำเหล่านี้ก็จะคลุมสิ่งสกปรกเหล่านี้ทำให้กลิ่นต่างๆลดน้อยลง รถยนต์ที่เบาะเป็นผ้ากำมะหยี่จะถูกกลิ่นเหล่านี้ฝังเข้าไปได้ด้วยก็เป็นอีกสาเหตุทีว่าทำไมล้างแอร์แล้วกลิ่นเหม็นยังคงหลงเหลืออยู่ เอาล่ะถามต่อว่า “แล้วมีวิธีกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์นี้อย่างไร?” ก็ตอบตรงๆว่า “ล้างแอร์เท่านั้นครับ” เพราะเราต้องกำจัดสิ่งสกปรกออกจากพื้นผิวEvaporator ปัจจุบันวิธีการล้างแอร์รถยนต์มีอยู่ 2 วิธี คือ 1.ถอดตู้แอร์ออกจากรถยนต์ออกล้าง 2. ล้างแอร์โดยไม่ต้องถอดตู้แอร์ออก (Air-4) ซึ่งทั้ง 2 วีธีก็มีข้อดี และข้อเสียต่างกันไป วิธีแรกล้างได้สะอาด สามารถมองเห็นการอุดตันของสิ่งสกปรก แต่ใช้เวลาในการล้างและการถอดประกอบติ้ดตั้งมาก อีกทั้งต้องเสียค่าแว๊คคั่มระบบ ชาร์จน้ำยาแอร์เข้าใหม่อีก ส่วนวิธีหลังใช้เครื่อง Air-4 เป่าฉีดน้ำยาล้างแอร์เข้าไป แล้วฉีดน้ำล้างออก พร้อมอบโอโซนกำจัดกลิ่นอีกครั้ง วิธีนี้ไม่ต้องถอดตู้แอร์ ทำให้ใช้เวลาน้อยกว่าวิธีถอดตู้ออกล้าง เหมาะสำหรับรถยนต์ที่มีสภาพการทำงานของแอร์ปกติ (เย็นปกติ แต่แรงลมเบาผิดปกติ) แต่ค่าบริการจะสูงกว่าวิธีถอดตู้ออกล้าง เพราะราคามาตรฐานถูกกำหนดไว้เท่ากันทั่วประเทศ เอาล่ะถามอีก “ล้างแอร์แล้วกลิ่นจะหายไป 100% ใช่หรือไม่?” คำตอบคือ ไม่ใช่ ถ้าจะให้กลิ่นหายไป 100% ท่านผู้ใช้รถต้องกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นซะก่อน คือ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ กินอาหาร ใช้น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ และที่สำคัญคือกำจัดฝุ่นละอองในห้องโดยสาร พยายามน้ำแผ่นยางรองพื้นออกทำความสะอาดเป็นประจำ ปัจจุบัน DENSO International (Thailand) Co.,Ltd. ออกผลิตภันฑ์ น้ำยาล้างEvaporatorโดยเฉพาะ ใหม่ล่าสุด ประสิทธิภาพการกำจัดกลิ่นดีเยี่ยม ถ้าท่านผู้ใช้รถมีปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็น อับชื้น ก็นำรถยนต์ของท่านเข้ารับบริการล้างแอร์ได้ที่ ศูนย์บริการแอร์รถยนต์ เด็นโซ่ เซอร์วิส (มาสเตอร์ แอร์ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส) ทีมช่างของเรารอให้บริการท่านอย่างเต็มความสามารถ ถ้าท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อมาได้ที่ 0-5631-3477 หรือ SSMASS@gmail.com

รถ : - - -  ปี : -
ปัญหาที่พบก่อนหน้านี้ : กลิ่นเหม็นสาป

โดย : บอล    [ 5  2548 - 13:04:41 ]


ร้านภัทรแอร์ PataraAir.com อะไหล่แอร์รถยนต์ ขอขอบพระคุณ ร้าน TS Service สำหรับข้อมูลดีๆ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ